ป้องกัน และ แก้ปัญหาต่างๆ ในการสร้างบ้าน…

5179
ป้องกัน และ แก้ปัญหาต่างๆ ในการสร้างบ้าน…

1. โครงสร้าง ฐานราก เข็ม ฐานราก
คือ ส่วนที่ติดกับหัวเสาเข็ม โดยการหล่อให้เป็นตอม่อเพื่อรับโครงสร้างของบ้าน,ส่วนนี้สำคัญมากควรทำตามแบบวิศวกร ไม่ควรตัดลดเพราะเมื่อมีปัญหาจะแก้ยากมาก เพราะอยู่ใต้ดิน

เข็ม คือ ส่วนที่รับน้ำหนักอยู่ใต้สุดของตัวบ้าน แบ่งออกเป็น 2 ชนิดคือ เข็มตอก กับ เข็มเจาะ

  • เข็มตอก มีหน้าตัดเป็นรูปสี่เหลี่ยม,หกเหลี่ยม หรือรูปตัวไอ วิธีการตอกก็คือ ตอกลงไปด้วยกำลังคน หรือปั้นจั่น ก็ได้จนสุดความยาวของเข็ม
  • เข็มเจาะ คือ การเจาะดินลงไปก่อน แล้วหย่อนแม่แบบ เหล็กลงไปใส่เหล็กเสริมแล้วจึงเทคอนกรีตตามลงไปในหลุม เข็มเจาะจะมีราคาสูงกว่าเข็มตอกแต่จะทำให้บ้านข้าง เคียงไม่เดือดร้อน เพราะไม่เกิดแรงสั่นสะเทือนเหมือนเข็มตอก เหมาะสำหรับบ้านที่ปลูกติดกัน

ปูนซีเมนต์แบ่งออกได้เป็น 2 ชนิด คือ

  • ปูนชนิดที่หนึ่ง เป็นปูนที่มีความแข็งแรง มีประสิทธิภาพในการยึดเกาะดีใช้สำหรับทำโครงสร้างที่ต้องการรับน้ำหนัก คือ ปูน Portland Cement เช่น ปูนตราดอกจิก,ตราช้าง จะมีราคาแพงกว่า
  • ปูนชนิดที่สอง จะมีความแข็งแรงน้อยกว่า เหมาะ สำหรับงานที่ต้องการความปราณีตเรียบร้อย เช่น งานฉาบปูน หรืองานก่อ ซึ่งการรับน้ำหนัก และการยึดเกาะจะสู้แบบแรก ไม่ได้ คือ ปูนSilica Cement เช่น ปูนตรางูเห่า ตราเสือ จะ มีราคาถูกกว่า

การใช้งานต้องใช้ให้ถูกประเภทของงาน มิฉะนั้นจะ ทำให้เกิดปัญหาในการรับน้ำหนัก หรือการแตกร้าวได้ ซึ่งจะ มีอันตรายมาก

ส่วนผสมของคอนกรีต

สัดส่วนของคอนกรีต จะมีสัดส่วนปูนซีเมนต์ต่อทราย ต่อหิน ดังนี้

สัดส่วน 1 : 1.5 : 3 จะเป็นงานเสาและโครงสร้าง

สัดส่วน 1 : 2 : 4 จะเป็นงานพื้น, คาน

สัดส่วน 1 : 2.5 : 4 จะเป็นงานถนน ฐานราก

ปูนซีเมนต์ที่ใช้จะต้องถูกต้องตามชนิดของการใช้งาน ทรายและหินต้องสะอาด ขนาดได้ตามที่ต้องการ การตวงวัสดุควรใช้กะบะตวงที่ได้มาตรฐานแทนการ ใช้บุงกี๋ซึ่งไม่แน่นอน

การเทคอนกรีตอย่างถูกวิธี 

ก่อนเทควรทำให้พื้นที่ที่จะเทชุ่มชื้นเสียก่อน เพื่อจะ ได้ไม่มาดูดน้ำ จากคอนกรีต ควรเทในขณะที่คอนกรีตยังไม่แข็งตัว เมื่อเทแล้วจะต้องไม่ให้เกิดช่องว่าง หรือเป็นโพรง คือ ต้องเข้าไปทุกซอก ทุกมุม เพื่อให้หุ้มเหล็กที่เสริมอยู่โดย ตลอด วิธีการจะทำโดยการกระทุ้งด้วยมือ หรือจะใช้เครื่องสั่นคอนกรีตก็ได้ วิธีการนี้จะทำให้โครงสร้างมีกำลังรับน้ำหนักได้เต็มที่ และมีผิวสวยงามอีกด้วย

การหล่อโครงสร้างบ้านที่ติดกับดิน

โดยทั่วไปแล้วผู้รับเหมา มักจะใช้ดินหรือทรายใต้ ท้องคานเป็นแบบที่ใช้หล่อเลย ซึ่งจะทำให้คอนกรีตที่เท ลงไปนั้น จะไม่สามารถหุ้มเหล็กโครงสร้างได้ทั้งหมด ทำให้ไม่สามารถรับแรงได้เท่าที่ควร วิธีที่ถูกต้อง ควรจะเทคอนกรีตหยาบทับหน้าดินหรือ ทราย เพื่อเป็นท้องแบบก่อนจะดีกว่า แล้วใช้ลูกปูนหนุนเหล็กเพื่อให้ปูนสามารถหุ้มเหล็กได้ทั้งหมด ด้วยวิธีนี้จะได้โครงสร้างที่ได้มาตรฐานตามที่ต้องการ

ปัญหาเกี่ยวกับงานโครงสร้าง

ปัญหาส่วนนี้สำคัญมาก ส่วนใหญ่เกิดจาก

  1. แบบมีรายละเอียดไม่พอ เช่น ขนาดของเสา และ คาน จำนวนและขนาดของเหล็กเสริมต่างๆ ไม่ชัดเจน จึงทำ ให้ช่างมีโอกาสทำงานผิดพลาดได้
  2. ชนิดของคอนกรีตและส่วนผสมต่างๆ ต้องถูกต้อง ตามชนิดของงานที่ใช้ จะใช้ชนิดของงานปูนฉาบไม่ได้
  3. โครงสร้างที่หล่อเสร็จแล้ว ต้องเป็นเนื้อเดียวกัน ไม่มีช่องว่างหรือร่องรอยของหินหรือเหล็กโผล่ให้เห็น เพราะ จะทำให้โครงสร้างรับแรงไม่ได้ดีเท่าที่ควร
  4. เมื่อหล่อเสร็จแล้ว อย่าลืมการบ่มคอนกรีต คือ การนำกระสอบที่ชุ่มน้ำมาห่อหุ้มไว้เพื่อป้องกันการแตกร้าว

ปัญหาการทรุดตัวของบ้าน

การก่อสร้างเป็นปัญหาที่พบมาก เนื่องจากก่อสร้างจะ ต้องควบคุมดูแลอย่างใกล้ชิดโดยผู้มีความชำนาญ เช่น การ ตอกเสาเข็ม ซึ่งรองรับฐานรากของอาคาร อาจเกิดเข็มแตก เข็มหักอยู่ใต้ดิน ทำให้ไม่สามารถรับน้ำหนักได้ตามที่คำนวณไว้ ปัญหาจากการต่อเติมและดัดแปลง มีการกั้นห้องเพิ่ม เติม มีแนวผนังไม่ตรงแนวคาน ก็เป็นสาเหตุทำให้บ้านทรุดตัว แตกร้าวได้ ปัญหาจากภัยธรรมชาติ เช่น แผ่นดินไหว ซึ่งในบ้าน เราพบน้อย เพราะไม่ได้อยู่แนวเคลื่อนตัวของเปลือกโลก ไม่เหมือนในต่างประเทศ

ปัญหาน้ำซึมเข้าบ้าน

ก่อนอื่นต้องทราบสาเหตุการรั่วซึมก่อน อาจจะเกิดจากท่อระบายน้ำที่ฝั่งอยู่ในบ้านแตกร้าว แก้โดยการเปลี่ยนท่อใหม่ ส่วนหลังคาคอนกรีตที่มีท่อระบายน้ำ ควรมีท่อน้ำ ล้นด้วย แต่ถ้ายังเกิดการแตกร้าว วิธีแก้ คือ ปูแผ่นยางกัน ซึมแล้วเททับด้วยคอนกรีตผสมน้ำยากันซึมอีกที อาจจะเกิดรอยต่อของโครงสร้างบ้านระหว่าง คานกับ ผนัง วิธีแก้โดยการสกัดให้เป็นร่อง แล้วอุดด้วยกาวคอนกรีต

ปัญหาการต่อเติมบ้าน

ในกรณีที่เป็นบ้านชั้นเดียวจะต่อเป็น 2 ชั้น ถ้าตอน ที่สร้างไม่ได้เผื่อเสาเข็มไว้สำหรับ 2 ชั้น ก็ห้ามต่อเติมเป็น 2 ชั้นอย่างเด็ดขาด เพราะอาจพังลงมาก็ได้ ในกรณีที่ต่อเติมบางส่วน ก็ควรปรึกษาวิศวกรก่อน เพราะการออกแบบโครงสร้าง จะเผื่อน้ำหนักปลอดภัยไว้ ถ้าเรามาต่อเติมส่วนนี้บ้านจะไม่ปลอดภัย เพราะจะทำให้โครง สร้างรับน้ำหนักมากเกินไป

วิธีการป้องกันปลวก

ปลวกแบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ

  1. ปลวกไม้แห้ง เป็นปลวกที่เข้าสู่ตัวบ้านโดยบินเข้ามา หรือที่เรียกว่า “แมลงเม่า” จะอยู่ตามซอกไม้ใต้หลังคา
  2. ปลวกใต้ดิน เป็นปลวกที่ทำให้บ้านเสียหายมากที่สุด จะเข้ามาโดยทำเป็นท่อลำเลียงมาจากใต้พื้นดิน

วิธีป้องกันคือ

  1. ใช้น้ำยาทาไม้เพื่อป้องกันปลวกไม้แห้ง
  2. ใช้น้ำยาราดลงไปในดิน เพื่อป้องกันปลวกใต้ดิน

1.2 พื้น ประเภทของพื้น

  • พื้นโครงสร้างไม้ มีข้อดี คือ น้ำหนักเบา ติดตั้งได้สะดวก รวดเร็ว เป็น งานแห้ง ไม่เลอะเทอะ แต่มีข้อเสียคือ รับน้ำหนักไม่ได้มาก มีเสียงดัง กัน น้ำไม่ได้ และในปัจจุบันไม้ที่ดีหายากและราคาค่อนข้างแพง
  • พื้นโครงสร้างคอนกรีต มีข้อดี คือ มีความแข็งแรง สามารถรับน้ำหนักได้ดี กันน้ำได้ เหมาะสำหรับทำห้องน้ำ หรือชั้นดาดฟ้า วัสดุที่ใช้ ปูผิวมีให้เลือกมาก เช่น ปาร์เก้ กระเบื้องเคลือบ หินอ่อน แกรนิต ข้อเสียคือ เป็นงานเปียก เลอะเทอะง่าย ค่อนข้าง ยุ่งยากในการก่อสร้าง ต้องใช้ช่างที่มีประสบการณ์ ใช้เวลา นานจึงจะใช้งานได้ ต้องมีระยะเวลาบ่มคอนกรีต มีน้ำหนักมาก

พื้นสำเร็จรูป

พื้นสำเร็จรูป คือ แผ่นพื้นคอนกรีตที่หล่อมาจากโรง งานแล้วมาวางตามสถานที่ก่อสร้างได้เลย หลังจากนั้นก็วาง เหล็กเสริมด้านบน โดยมีเหล็กยื่นเข้าไปในคานด้วย แล้วจึง เทปูนทับหน้าอีกทีหนึ่งหนาประมาณ 5 ซม. มีผลดี คือ สามารถก่อสร้างได้สะดวก รวดเร็ว แต่ ห้ามใช้ในพื้นที่ที่โดนน้ำเช่น ห้องน้ำ ระเบียงชั้นดาดฟ้า ควร ใช้พื้นที่หล่อกับที่

ข้อควรระวัง การออกแบบโครงสร้างที่รับพื้นสำเร็จรูปกับพื้นหล่อกับที่ต่างกัน ห้ามเปลี่ยนแปลงเอง นอกจาก จะแจ้งให้วิศวกรแก้ไขปรับปรุงโครงสร้างให้ก่อน

พื้นถนนคอนกรีต

ข้อดี มีความแข็งแรง ทนทาน รับน้ำหนักได้มาก ดูแลรักษาง่าย ไม่ค่อยแตกร้าว

ข้อเสีย ดูแข็งกระด้าง สีไม่สวยงาม การก่อสร้าง ค่อนข้างยุ่งยาก เป็นงานเปียก ถ้าแตกร้าว ซ่อมแซมได้ยาก

พื้นถนนอิฐบล็อค

ข้อดี มีสีสันลวดลายให้เลือกมากมาย การติดตั้งง่าย และสะดวก ถ้าเกิดการแตกหัก หรือการทรุดตัว สามารถแก้ ไขได้ง่าย

ข้อเสีย เกิดการทรุดตัวได้ง่าย รับน้ำหนักได้น้อยกว่า อาจเกิดการแตกหักได้ง่าย การดูแลรักษายากกว่า เพราะมีร่อง และรอยต่อมาก

วัสดุปูพื้น

พื้นปาร์เก้

ข้อดี คือ ให้ความสวยงาม อบอุ่น ดูเป็นธรรมชาติ ราคาไม่แพงมาก ขึ้นอยู่กับชนิดและขนาดของไม้ที่ใช้ มีอายุ การใช้งานได้นาน

ข้อเสีย คือ เกิดรอยขีดข่วนได้ง่าย ติดไฟ ไม่สามารถ ทนความชื้นได้นาน มีปัญหาเรื่องปลวก

พื้นกระเบื้องเคลือบ

ข้อดี คือ มีความแข็งแรง มีแบบและสีสันให้เลือก มากมาย ราคาไม่แพง ดูแลรักษาง่าย

ข้อเสีย คือ มีรอยต่อของแผ่นมาก ดูแข็งกระด้าง ไม่นิ่มนวล จะลื่นเมื่อโดนน้ำ และถ้าโดนของแข็งหล่นทับ อาจแตกร้าวได้

พื้นหินขัด

ข้อดี ดูแลรักษาง่าย ราคาไม่แพง มีลูกเล่น สามารถ ออกแบบให้มีลวดลาย และสีสันได้มาก ไม่มีรอยต่อ

ข้อเสีย ดูแข็งกระด้าง จะลื่นเมื่อเวลาโดนน้ำ การทำ ค่อนข้างยุ่งยาก เป็นงานเปียก ทำให้เลอะเทอะ เวลาแตกร้าว ซ่อมแซมยาก

พื้นกระเบื้องยาง

ข้อดี ราคาถูก ติดตั้งง่าย มีสีสันและขนาดให้เลือก มากผิวดูนุ่มนวลไม่แข็งกระด้าง ซ่อมแซมง่าย

ข้อเสีย มีรอยต่อมาก อายุการใช้งานไม่นาน ดูไม่ ภูมิฐาน ผิวอ่อน จะมีรอยขูดขีดได้ง่าย ถ้าพื้นคอนกรีตไม่ เรียบ เวลาปูเสร็จแล้วจะดูเป็นคลื่นไม่สวยงาม

หินอ่อน

ข้อดี ดูสวยงามภูมิฐาน มีสีสันให้เลือกมากมาย ดู แลเป็นธรรมชาติ กันน้ำได้ดี ไม่ผุกร่อน มีรอยต่อน้อย

ข้อเสีย ใช้ได้เฉพาะภายในบ้าน และควรอยู่ในส่วน ที่ไม่โดนรอยขีดข่วน มีผิวอ่อน บางชนิดมีราคาแพง

หินแกรนิต

ข้อดี มีความแข็งแกร่ง ทนต่อรอยขีดข่วนได้ดี ใช้ ได้ทั้งภายนอก และภายใน ดูแลรักษาง่าย มีความหรูหรา น่าภูมิฐาน

ข้อเสีย มีราคาค่อนข้างแพง ทำเป็นลวดลายค่อนข้าง ยาก เพราะมีความแข็ง มีสีสันให้เลือกน้อย

การปูพื้นไม้ปาร์เก้

ไม้ที่นิยมนำมาใช้ปูพื้นส่วนใหญ่จะเป็นไม้สัก เพราะ มีคุณสมบัติ บิดงอน้อย ไม่มีปลวก และมอด มีสีสันลวดลาย สวยงาม ขนาดที่นิยมก็คือ 1 x 4 นิ้ว หรือ 1 x 6 นิ้ว ส่วน ความยาวประะมาณ 80 – 120 ซม. พื้นที่จะปูต้องขัดมันเรียบ

การปูเริ่มจากการคัดไม้ที่มีตาออก แล้ววางเรียงแผ่น ไม้ทากาว วางเข้าลิ้น แล้วยึดแผ่นไม้กับพื้นคอนกรีตด้วยตะปู เพื่อรอให้กาวแห้ง เมื่อกาวแห้งจึงตัดหัวตะปู หรือฝังหัวลงไป เพื่อเตรียมการขัดผิวไม้ ซึ่งอย่างน้อยต้องรอประมาณ 5-7 วัน เมื่อขัดผิวไม้จนเรียบแล้วจึงย้อมสีไม้ให้ได้สีตามต้องการ หลัง จากนั้นจึงลงยูรีเทนเคลือบผิวอย่างน้อย 2 ครั้ง เป็นขั้นตอน สุดท้าย

การปูหินอ่อน และหินแกรนิต

พื้นที่จะปูต้องได้ระดับก่อน และต้องทำให้พื้นห้องที่ จะปูให้มีผิวหน้าหยาบ และขรุขระ ต่อจากนั้นก็ราดน้ำให้ทั่ว แล้วทิ้งไว้ 48 ชั่วโมง จากนั้นก็เทปูนทรายที่ไม่เหลวจนเกินไปรองพื้นก่อน แล้วจึงปูหินอ่อน หรือแกรนิตลงไปให้ได้แนว และกดหินให้ ติดแน่นกับปูน เพื่อให้ได้ระดับที่เสมอกันทุกแผ่น

การปูพื้นอิฐบล็อค

ขั้นแรก ต้องปรับพื้นให้ได้ระดับเสียก่อน ต้องเผื่อ ระดับความสูงของตัวบล็อคด้วย รองพื้นด้วยทรายหยาบหนาประมาณ 5 ซม.ราดน้ำแล้ว บดอัดให้แน่น ปูบล็อคให้ชิดกันห่างประมาณ 2 มม. ใช้ฆ้อนยางเคาะให้แน่น แล้วใส่ทรายลงไปในร่อง กวาดให้ทั่วทิ้งไว้ 7 วันแล้วจึงใช้งาน และถ้าใช้ไปได้ระยะหนึ่ง เกิดการทรุดตัว ก็สามารถ รื้อออกมา เพื่อปรับระดับใหม่ได้

การเลือกกระเบื้องห้องน้ำ

ก่อนอื่นต้องเลือกกระเบื้องให้ถูกชนิดก่อน อย่าลืม ว่าชนิดปูพื้นจะหนากว่าปูผนัง และไม่ควรผิวลื่นจนเกินไป เพราะเมื่อโดนน้ำจะเกิดอุบัติเหตุได้ ขนาดและยี่ห้อของ กระเบื้องพื้นและผนังควรจะเหมือนกัน เพราะเวลาปูแล้วรอย ต่อจะตรงกันไม่น่าเกลียด ส่วนสีสันก็แล้วแต่ชอบ ถ้าห้องเล็ก ก็ควรใช้สีใกล้เคียงกัน และอย่าให้มีลวดลายมาก จะทำให้ ดูห้องใหญ่ขึ้น เมื่อปูเสร็จแล้วควรเก็บชนิดกระเบื้องไว้จำนวน หนึ่ง เพื่อซ่อมแซมในอนาคต เพราะเมื่อถึงเวลานั้นขนาดและ สีที่เลือก อาจจะไม่ได้ผลิตแล้วก็ได้

ปัญหาพื้นคอนกรีตแตกร้าว

สาเหตุที่พื้นแตกร้าวก็คือ เกิดจากการบดอัดดินในบริเวณที่จะเทคอนกรีตไม่แน่นพอ จึงเกิดการทรุดตัว ทำให้ รอยต่อระหว่างพื้นกับผนังแตกร้าวอีกกรณีหนึ่งก็คือ พื้นบางเกินไป ควรจะเทหนาอย่าง น้อย 5 ซม.และต้องไม่ลืมใส่เหล็กตะแกรงด้วย ส่วนผสมคอนกรีตก็มีความสำคัญ อัตราส่วนของปูน ทราย และหิน ก็คือ 1 : 2 : 4

การซ่อมกระเบื้องห้องน้ำ

ต้องสกัดปูนเก่าที่ใช้ปูกระเบื้องเดิมออกให้หมด ปัดฝุ่นออกแล้วพรมน้ำให้ชุ่ม ทิ้งไว้จนเกือบแห้ง แล้ว ใช้ปูนซีเมนต์ขาวผสมน้ำให้ข้นเหนียวปาดใส่เข้าไปให้เสมอ กับผิวเดิม นำแผ่นกระเบื้องใหม่ มาใส่ปูนซีเมนต์ด้านหลังแล้วกดลงไปในส่วนที่ชำรุดเดิม เคาะผิวบนเบาๆ เพื่อให้เสมอกับ แนวกระเบื้องเดิม ทิ้งไว้ 1 – 2 วันก็สามารถใช้งานได้

การซ่อมกระเบื้องยาง

กระเบื้องยางที่โดนน้ำหรือความชื้นบ่อยๆ ก็จะหลุด ล่อนได้ วิธีแก้ไขคือ ใช้เตารีดลงบนแผ่นกระเบื้องที่บิดงอ โดยใช้แผ่นอลูมิเนียมฟอยล์รองระหว่างเตารีดกับแผ่นกระเบื้อง เมื่อหายงอแล้ว ก็ใช้กาวที่ใช้สำหรับติดกระเบื้องยาง โดยเฉพาะทาบนพื้น แล้วกดกระเบื้องยางให้สนิท ใช้ผ้าแห้ง เช็ดกาวส่วนที่เลอะออก หาของมาทับ ทิ้งไว้จนกว่าจะแห้ง หลังจากนั้นก็สามารถใช้งานได้

1.3 ผนัง ผนังอิฐมอญ

หรือเรียกว่า อิฐแดง จะมีขนาดเล็ก การก่อจะ เสียเวลามาก มีน้ำหนักมาก ราคาจะแพง แต่มีความแข็งแรง ทนทาน

ผนังอิฐบล็อค

จะมีความเปราะแตกง่าย มีน้ำหนักเบา ถ้าก่อ เป็นผนังของอาคารหลายชั้น จะทำให้ประหยัดโครงสร้างได้ มาก ราคาจะถูกกว่า

การก่อผนังอิฐ

ก่อนอื่นต้องนำอิฐไปแช่น้ำ เพื่อเวลาก่ออิฐ น้ำปูนจะ ได้ไม่โดนดูดออกไป เมื่อก่อเสร็จทิ้งไว้สักระยะหนึ่ง เพื่อให้ ผนังระบายความร้อนออกมา แล้วจึงเริ่มฉาบปูน การฉาบต้องใช้ปูนทรายทำปุ่มขึ้นมาบนผนัง และตรง มุม เพื่อแสดงแนวความหนาของปูนฉาบ ซึ่งจะทำให้เรียบสม่ำ เสมอกัน ไม่หนาเกินไปจนทำให้ปูนฉาบแตกได้ และสัดส่วน ของปูนฉาบต้องถูกต้อง หลังจากนั้น ทิ้งผนังให้แห้งสนิทก่อน จึงทาสีได้

สาเหตุการแตกร้าวของผนังปูนฉาบ

  1. อาจเกิดจากชนิดของปูนซีเมนต์ไม่เหมาะสมกับ ประเภทงานฉาบผนัง และสัดส่วนการผสมปูนฉาบ
  2. ผสมปูนขาวมากไป ตามปกติช่างจะผสมปูนขาว ลงไปเล็กน้อยในปูนฉาบ เพราะจะทำให้ลื่นฉาบง่าย แต่ถ้า มากเกินไปก็จะแตกร้าวได้
  3. การเตรียมงานฉาบไม่ดีพอ ผนังก่ออิฐจะดูดซึม น้ำได้มาก ถ้าไม่มีการราดน้ำให้ชุ่มก่อน ก็จะเป็นสาเหตุให้ เกิดการแตกร้าวได้
  4. ผนังก่ออิฐไม่สม่ำเสมอ จะทำให้ปูนฉาบมีความ หนาไม่เท่ากัน ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่ง

การซ่อมผนังด้วยกาวคอนกรีต

พื้นที่ที่จะใช้ต้องแห้งสนิทปราศจากฝุ่นและคราบน้ำมัน อย่าฉาบลงบนพื้นที่ที่เปียกอยู่ ถ้าเป็นรอยแตกร้าว ควรสกัดให้ผิวกว้างพอประมาณ เมื่อกาวคอนกรีตแข็งตัว จะรับแรงได้เล็กน้อยในเวลา 2-3 ชม. แต่จะรับแรงเต็มที่ ต้องให้ครบ 72 ชม. ในกรณีที่เกิดรอยร้าวจากการทรุดตัวของตัวบ้านต้องใช้เมื่อหยุดการทรุดตัวแล้ว มิฉะนั้นจะแตกร้าวอีก กาวชนิดนี้ยังสามารถใช้กับการรั่วซึมของกระเบื้องหลังคาได้ด้วย

สาเหตุที่ผนังภายนอกแตกร้าว

ผนังภายนอก เมื่อถูกแสงแดดมากๆ ก็จะสะสมความ ร้อน ทำให้ปูนขยายตัว เกิดการแตกร้าวได้ ถ้าเป็นผนังที่กำลังก่อสร้าง ก็ควรเซาะร่องแบ่งพื้นที่ ให้เล็กลง เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวปูนดันกันแตก การซ่อมแซม ควรใช้วัสดุที่มีความยืดหยุ่นอุดเข้า ไปในส่วนที่แตกร้าว เพื่อให้ขยายตัวได้ ส่วนการแตกร้าวที่เกิดจากการทรุดตัวของโครงสร้าง จะแก้วิธีนี้ไม่ได้ เพราะถ้าแก้แล้วก็จะแตกร้าวอีก

การแก้ผนังแตกร้าวที่เกิดจากวัสดุต่างชนิดกัน

สำหรับวัสดุที่ต่างชนิดกัน เช่น คอนกรีตเสริมเหล็กกับผนังก่ออิฐเมื่อเวลาเราฉาบปูน วัสดุทั้ง 2 ชนิด จะมีความ แตกต่างในการดูดความชื้นไม่เท่ากัน จึงทำให้เมื่อฉาบปูนเสร็จ แล้ว จะเกิดรอยแตกร้าวในบริเวณนี้ วิธีแก้ไขก็คือ ก่อนการฉาบปูนในบริเวณนี้ ควรปู ด้วยตะแกรงเหล็กตาข่ายก่อน เพราะเมื่อฉาบปูนแล้วจะทำ ให้เกิดการยึดเกาะดีขึ้น ทำให้ไม่แตกร้าว และวิธีนี้ยังสามารถ ใช้ได้กับบริเวณที่เดินท่อประเภทต่างๆได้ด้วย

ผนังยิบซั่มบอร์ด

ผนังยิบซั่มมีคุณสมบัติในเรื่องของการติดตั้งได้สะดวก มีความแข็งแรงทนทาน มีความสามารถในการป้องกันไฟ ป้อง กันเสียง อีกทั้งยังป้องกันความร้อนได้ นอกจากนั้นเป็นวัสดุที่ มีน้ำหนักเบา คือ ประมาณ 30 กิโลกรัม/ตารางเมตร สามารถ ต่อเติมผนังได้ทุกส่วนของบ้านโดยไม่ทรุดตัว และที่สำคัญใน เรื่องของความเรียบได้ระนาบของผนัง ไม่ก่อให้เกิดความเลอะ เทอะ เพราะเป็นระบบแห้งและไม่มีปัญหาผิวผนังแตกร้าวเหมือน กับผนังก่ออิฐฉาบปูน สามารถตกแต่งทาสี ติดวอลล์เปเปอร์ได้ สวยงาม เหมาะสำหรับใช้ในอาคาร

ผนังยิบซั่มบอร์ดกับการป้องกันไฟ

วัสดุที่นำมาสร้างบ้าน ควรเป็นวัสดุทนไฟ้ได้นานอย่างน้อย 1 ชั่วโมง โดยเฉพาะ ผนังห้องเพื่อถ่วงเวลาให้คนหนีออกมาได้ก่อนการลุกลามของไฟ หากต้านทานได้ไม่ดีพอ จะทำให้อุณหภูมิภายนอกที่เกิดเพลิงไหม้ มีความร้อนสูงถึงจุดที่สิ่งของจะสามารถลุกไหม้ ได้เองโดยไม่ต้องมีเปลวไฟ ผนังยิบซั่มมีคุณสมบัติในการป้องกันไฟได้ดีผนังยิบซั่มที่มี ความหนาขนาด 12 มม.และ 15 มม. สามารถทนไฟได้ตั้งแต่ 1/2 ถึง 4 ชั่วโมง เนื่องจากเนื้อยิบซั่มมีผลึกน้ำเมื่อเวลาโดนไฟ น้ำจะระเหยออกมาเป็นการต้านทานการส่งผ่านความร้อนไปอีกด้านหนึ่งของผนัง ด้วยคุณสมบัติดังกล่าวผนังยิบซั่มจึงเหมาะสำหรับใช้ในการป้องกันไฟได้เป็นอย่างดี

การติดตั้งผนังยิบซั่มบอร์ด

การติดตั้งผนังยิบซั่มบอร์ดให้มีความแข็งแรง ทนทาน เหมาะสมกับการใช้งาน มีวิธีดังนี้

  1. ควรใช้โครงเคร่าเหล็กชุบสังกะสี ที่มีความหนาอย่าง น้อย 0.55 มม. และมีขนาดหน้าตัดอย่างน้อย 76 x 32 มม. ทั้งโครงเคร่าตัวตั้งและตัวนอน ความหนาของแผ่นยิบซั่มอย่าง น้อย 12 มม. ระยะห่างโครงเคร่าไม่ควรเกิน 60 ซม.
  2. โครงเคร่าเหล็กชุบสังกะสี ต้องได้มาตรฐานอุตสาห กรรม โดยตรวจสอบกับบริษัทผู้ผลิตที่เชื่อถือได้ สำหรับพุกที่ใช้ ยึดกับโครงสร้างอาคาร หรือพื้นควรเป็นพุกเหล็ก EXPANSION BOLT
  3. หากต้องการความแข็งแรงมากขึ้น ก็สามารถเลือก ใช้โครงเคร่าเหล็กที่มีขนาดหน้าตัดที่ใหญ่ขึ้น หรืออาจเพิ่มความ หนาของแผ่นยิบซั่มเป็น 15 มม. หรือใช้แผ่นซ้อนกัน 2 ชั้นก็ ได้ นอกจากนี้ยังสามารถร่นระยะห่างโครงเคร่าจาก 60 ซม. เป็น 40 ซม.

การทำผนังบ้านเพื่อป้องกันความร้อนและเสียงรบกวน

สามารถทำได้หลายวิธีด้วยกัน เช่น ทำกระจกสองชั้นประกบกัน โดยเว้นช่องว่างตรงกลางเอาไว้ หรืออาจจะทำผนังเป็นแผ่นอคูสติกบอร์ดแต่สองแบบที่กล่าวมาอาจจะมีราคาสูง แต่มีอีกวิธีหนึ่งที่ราคาไม่สูงมากและทำเองได้ คือ การยึดแผ่นไมโครไฟเบอร์ติดกับผนังเดิม แผ่นไมโครไฟเบอร์จะช่วยดูดซับเสียงและความร้อนที่ผ่านผนังชั้นนอกเข้ามา ทำให้อุณหภูมิภายในห้องนั้นลดลงเสียงรบกวนก็จะน้อยลงซึ่งจะประหยัดพลังงานไฟฟ้า ในส่วนเครื่องปรับอากาศเหมาะสำหรับห้อง HOME THEATER ห้องฟังเพลงหรือห้องนอน

การปูกระเบื้องโมเสคบนที่สูง

การปูกระเบื้องโมเสค โดยทั่วไปจะปูด้วยปูนผสม กับทราย หรือถ้าดีขึ้นมาอีกหน่อยก็จะปูด้วยซีเมนต์ขาว ซึ่ง จะมีคุณสมบัติแห้งช้า ทำให้มีเวลาจัดแต่งแนวกระเบื้องให้ เรียบร้อยสวยงามมากยิ่งขึ้น แต่ในกรณีที่จะต้องปูโมเสคบนที่สูง เช่น ผนังบ้าน หรือส่วนยอดของบ้าน ที่ดีที่สุดควรปูด้วยกาวชนิดพิเศษสำหรับ ปูโมเสคโดยเฉพาะ กาวชนิดนี้จะมีคุณสมบัติในการยึดเกาะสูง มาก เมื่อปูแล้วยากที่จะหลุดร่อนลงมา เพราะเมื่ออยู่บนที่สูง ถ้าหลุดลงมาอาจจะเป็นอันตรายมาก แต่การปูด้วยกาวควรจะ วางแผนการปู้ให้ดี เพราะถ้ากาวแห้งแล้วจะไม่สามารถแกะออก มาได้ หรือถ้าแกะออกได้ก็จะทำให้กระเบื้องโมเสคเสียหาย

ปัญหา “วอลล์เปเปอร์” ขึ้นรา

มีสาเหตุมาจากความชื้น ซึ่งอาจจะมาทางพื้น ฝ้า เพดาน หรือผนัง ซึ่งมีท่อฝังไว้เกิดการรั่วซึม หรือผนังที่ติด กับห้องน้ำที่มีความชื้นได้เช่นกัน วิธีแก้ไข ก็คงต้องลอกส่วนที่ขึ้นราออก แล้วแก้ไข สาเหตุที่ทำให้เกิดความชื้นเสียก่อน เมื่อแก้เรียบร้อยแล้ว จึงเรียกช่างมาปิดวอลล์เปเปอร์ทับอีกทีหนึ่ง แต่ต้องเป็นลาย เดียวกัน

สีน้ำพลาสติค

สีน้ำพลาสติคผลิตจากวัตถุดิบจำพวก “โพลีไวนิล อะซิเตท” สีน้ำพลาสติคที่ดีจะต้องผสมสารที่ป้องกันเชื้อรา หรือผงสีชนิดที่ทนทานต่อแสงแดดและการเช็ดล้าง สีชนิดนี้ ใช้ได้ดีกับผนังปูนฉาบคอนกรีต หรือกระเบื้องแผ่นเรียบ ใช้ ได้ทั้งภายนอกและภายในอาคาร มีสีต่างๆ ให้เลือกมากมาย และราคาค่อนข้างประหยัด

สีอะครีลิดกึ่งเงา

สีที่ใช้ทาภายนอกอาคารโดยทั่วไปจะใช้สีน้ำพลาสติค ชนิดอะครีลิค 100 % เพราะเป็นสีที่ทนต่อทุกสภาพอากาศ แต่สีชนิดนี้จะมีผิวที่ด้าน ซึ่งเป็นสาเหตุของการจับยึดของฝุ่น ละอองและคราบสกปรกในอากาศ ถ้าหากต้องการหลีกเลี่ยง ความสกปรกดังกล่าวใช้สีอะครีลิคชนิดกึ่งเงาแทน เพราะสีชนิด นี้เนื้อสีจะลื่น ทำให้พื้นผิวเป็นฟิล์มเรียบลดการจัดยึดของฝุ่น ละอองและคราบสกปรกต่างๆ แต่เนื่องจากผิวเงาอาจเป็น สาเหตุของการเกิดลอนคลื่นบนผนังฉาบปูน เมื่อโดนแสงส่อง ฉะนั้นผิวปูนฉาบจะต้องเรียบสนิท สำหรับผนังภายในที่ต้องการ ความสะดวกในการทำความสะอาด เช่น ห้องครัว การใช้สีชนิด นี้ในการทาผนังและฝ้าเพดาน ก็จะช่วยลดปัญหาในการทำความ สะอาดได้

สีนูน

สีนูนจะประกอบจากอะครีลิคเรซินของซิลิกาและควอตซ์ ซึ่งทำให้พื้นผิวมีลวดลายและสวยงาม ทั้งยังช่วยในการยึดเกาะ กับพื้นผิวได้ดี สำหรับผิวผนังที่มีรอยร้าวหรือฉาบปูนไม่เรียบ ก็ สามารถกลบเกลื่อนได้ กรรมวิธี จะใช้การพ่นหรือลูกกลิ้งก็ได้ โดยทำบนผิว คอนกรีต แผ่นยิบซั่ม หรือกระเบื้องแผ่นเรียบก็ได้ และใช้ได้ทั้ง ภายนอกและภายใน

สีอีพ็อกซี่

สีอีพ็อกซี่เป็นสีสำหรับกันสนิมทนต่อกรดและด่างได้เป็นอย่างดี สามารถกันน้ำซึมได้ทาได้หนาๆ โดยสีไม่ย้อย ทาง่าย แห้งเร็ว เหมาะสำหรับใช้ทาโลหะและคอนกรีต เช่น ทาเรือ ท่อน้ำประปาและกระเบื้องหลังคา

สีทาไม้

  • สำหรับไม้ที่ต้องการทาสี สีที่ใช้ควรเป็นสีน้ำมัน หรือ สีที่ใช้ทาไม้โดยเฉพาะ ถ้าเป็นสีอะครีลิค 100 % จะช่วยใน การยึดเกาะที่ดี และยืดหยุ่นไม่แตกร้าวเวลาไม้เกิดการยืดหดตัว
  • สำหรับไม้ที่ต้องการโชว์ลายไม้ ส่วนใหญ่จะใช้แลคเกอร์ หรือเชอร์แลค แต่ทุกวันนี้เรามีสารที่เรียกว่า “โพลียูรีเทน” ซึ่ง ช่วยในการป้องกันเนื้อไม้ได้ดีกว่า ทั้งยังให้ความเงางามอีกด้วย
  • สำหรับโครงไม้ต่างๆ ที่อยู่ด้านในไม่ต้องทาแลคเกอร์ หรือสีน้ำมัน แต่ต้องทาน้ำยากันปลวก

วิธีการทาสี

ในกรณีที่เตรียมพื้นผิวที่จะทาไม่ดีพอ หรือผิวไม่เรียบ การใช้แปรงทาจะทำให้สีสัมผัสกับผิวผนังในซอกมุมต่างๆ ได้ ดีกว่าการใช้ลูกกลิ้ง แต่ในพื้นที่มากๆ การใช้ลูกกลิ้งจะสะดวกกว่า ทาได้ เร็วกว่า และยังใช้กับประเภทสีที่มีลวดลายต่างๆ ที่สวยงามได้ เช่น สีนูน แต่จะใช้ปริมาณของสีมากกว่าการใช้แปรงเล็กน้อย

ปัญหาสีลอก

สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการเตรียมผิวไว้ไม่ดี เช่น

  1. ไม่ทิ้งผนังไว้ให้แห้งสนิทพอ
  2. มีฝุ่นเกาะมาก ไม่ทำความสะอาดให้ดีพอ ต้อง ขัดและล้างน้ำให้สะอาด
  3. ผนังมีสภาพเป็นกรด เป็นด่าง สำหรับผนังพื้น ผิวใหม่ จะมีสภาพเป็นกรด ก่อนทาสีจะต้องรองพื้นด้วยสี รองพื้นปูนกันด่าง ซึ่งทำมาจากอะครีลิคเรซิน
  4. ทาสีไม่ครบจำนวนครั้งที่บริษัทสีระบุ

สำหรับพื้นผิวเก่าที่ขึ้นรา ต้องขัดล้างด้วยน้ำยาฆ่า เชื้อรา แล้วใช้น้ำล้างให้สะอาดก่อนทา

ปัญหาสีผนังส่วนที่ติดพื้นดินหลุด

เกิดจากความชื้นใต้ดินที่ซึมผ่านขึ้นมาที่ผนัง มีวิธี ป้องกันต้องทำ ก่อนที่จะเทพื้น โดยปูแผ่นพลาสติคบนพื้นที่ ปรับระดับ แล้วจึงวางเหล็ก เทพื้นคอนกรีตที่ผสมน้ำยากันซึม และก่อนการปูวัสดุปูผิวต้องผสมน้ำยากันซึมในส่วนปูนทราย ที่ใช้สำหรับปรับผิว อีกวิธีหนึ่ง คือ การยกพื้นชั้นล่างให้สูงขึ้น ก็จะช่วย เรื่องความชื้นได้ สำหรับอาคารที่สร้างมาแล้ว วิธีแก้ไขคงทำ ได้ยาก แต่ก็มีวิธีที่พอจะบรรเทาได้ โดยทำผนังส่วนที่ติดดิน เป็นผิวปูนขัดมันสูงขึ้นมา 10 – 15 ซม. แล้วค่อยเริ่มทาสี โดยใช้สีในส่วนที่ฐานผนัง เป็นสีชนิดกันเชื้อรา

ประเภทของหน้าต่าง

หน้าต่างที่เรารู้จักกันก็มีบานเลื่อน เมื่อเปิดแล้วจะได้ช่องหน้าต่างเพียงครึ่ง เดียว แต่ไม่กินพื้นที่ด้านนอก แต่ฝนสาดได้บานกระทุ้ง การรับลมอาจได้ไม่เต็มที่ แต่เมื่อเปิด แล้วตัวบานจะทำหน้าที่เป็นกันสาดในตัวบานพลิก เมื่อเปิดแล้วจะได้ช่องเปิดเต็มที่ สามารถ ทำความสะอาดได้สะดวก แต่กินพื้นที่ทั้งข้างในและข้างนอก

หน้าต่างบานเกล็ด

การทำหน้าต่างบานเกล็ดควรคำนึงถึง

  1. ไม่ควรทำช่องหน้าต่างมีขนาดกว้างมาก ไม่ว่าบานเกล็ด จะทำด้วยวัสดุชนิดใดก็ตาม ไม้ อลูมิเนียม หรือกระจก เพราะจะ แอนตัว บิดงอ และแตกง่าย แต่ถ้าจะใช้วัสดุให้มีขนาดหนาขึ้น ก็ ทำให้มีน้ำหนักมาก อุปกรณ์ที่ใช้เปิดปิดจะทำงานหนักและเสียเร็ว
  2. หน้าต่างบานเกล็ดกันฝนไม่ค่อยได้ เพราะไม่มีบังใบ ถ้าฝนสาดแรงๆ น้ำฝนจะตีย้อนเข้ามาภายในบ้านได้ วิธีแก้โดย ให้มีรอยซ้อนกันของเกล็ดให้มากๆ
  3. หน้าต่างบานเกล็ดเสี่ยงภัยต่อขโมยเข้าบ้านมาก เพราะ เพียงแค่ง้างอลูมิเนียมที่ยึดติดบานเกล็ดออก ก็สามารถดึงบาน ออกมาได้ ถ้ามีความจำเป็ต้องติดจริงๆ ก็สมควรต้องติดเหล็ก ดัดกันขโมยด้วย

ประตูไม้อัด

ข้อดี คือ ราคาถูก น้ำหนักเบา มีขนาดมาตรฐาน มากมาย ควรใช้เฉพาะภายในบ้าน

ข้อเสีย คือ ไม่ค่อยแข็งแรง ไม่สามารถใช้ในส่วนที่ โดนน้ำได้ โดยเฉพาะในห้องน้ำ หรือส่วนที่เปิดออกไปภาย นอก ซึ่งจะโดนฝนตลอด

ประตูไม้จริง

ข้อดีคือ มีความทนทาน แข็งแรง สวยงาม โดย เฉพาะไม้สัก และไม้มะค่า สามารถใช้กับประตูที่เปิดออก สู่ภายนอกซึ่งโดนฝนได้

ข้อเสีย คือ ราคาค่อนข้างแพง มีน้ำหนักมากกว่า มีขนาดให้เลือกไม่มากนัก ถ้าต้องการแบบเฉพาะอาจต้อง สั่งทำ

ประเภทของประตูไม้อัด

ประตูไม้อัดที่เราใช้อยู่ทุกวันนี้ แบ่งออกเป็น 2 ชนิด ชนิดแรก คือ ประตูไม้อัดธรรมดา ใช้กับประตูห้องทั่วไป ชนิดที่สอง คือ ประตูไม้อัดทนความชื้น ซึ่งจะใช้กับส่วนที่โดนน้ำเป็นบางครั้ง เช่น ห้องน้ำส่วนที่แห้ง ประตูที่เปิดออกสู่ภายนอกบ้านที่โดนฝนไม่มาก แต่ถ้าโดนน้ำ ทุกๆ วัน ก็จะผุได้

ประตูไม้สังเคราะห์

ปัจจุบันไม้เป็นวัสดุก่อสร้างที่หายาก ราคาแพง จึง ได้มีการผลิตประตูไม้สังเคราะห์ขึ้นมา โดยนำเอาเศษไม้ที่ เหลือใช้มาบดย่อยให้เป็นเส้นใยไม้ แล้วนำมาผสมกับเรซิน อัดประสานกันเป็นแผ่นภายใต้แรงดันสูง ทำให้โครงสร้าง ของเนื้อไม้แน่นและแข็งแรงกว่าไม้จริง เนื้อไม้มีคุณสมบัติ ทนทาน ไม่ดูดซึมน้ำ ไม่หลุดล่อน ไม่หดตัว หรือบิดงอ ใช้ได้กับวงกบไม้ทั่วไป มีความสะดวกในการติดตั้ง เจาะ ลูกบิด กลอนประตู มือจับ โช๊คอัพ ได้เหมือนกับประตู ทั่วไป ทั้งยังผ่านการเคลือบสีรองพื้นชนิดพิเศษ ทำให้ง่าย ต่อการย้อมสีตามต้องการ

ประตูเหล็ก

ประตูที่ใช้กันทั่วไปโดยมากจะเป็นบานประตูไม้ ซึ่ง จะมีปัญหาการยืดหดตัว ผุกร่อน ไม่ทนทานเท่าที่ควร ทาง เลือกใหม่ก็คือ การเปลี่ยนมาใช้บานประตูเหล็ก ซึ่งผลิตจาก เหล็กคุณภาพดี ผ่านการอบพ่นสีหลายชั้น ทั้งสีรองพื้นและสี เคลือบผิว จึงมีความสวยงามงามทนทาน โครงประตูภายใน มีทั้งชนิดโครงไม้และโครงเหล็กชุบสังกะสี ทำให้ประตูมีน้ำ หนักเบาเวลาเปิด-ปิด สามารถทำได้สะดวก สำหรับอุปกรณ์บานพับ กลอน ลูกบิด มือจับ ได้ กำหนดตำแหน่งต่างๆ เหล่านี้ไว้แล้ว จึงไม่มีปัญหาในการติด ตั้งอุปกรณ์ทั่วไปตามท้องตลาด เหมาะสำหรับประตูที่ต้องเปิด -ปิดบ่อยๆ และมีการกระทบกระแทกอยู่ตลอดเวลา

ประตูห้องน้ำ

  • สำหรับห้องน้ำที่ใหญ่ ประตูไม่โดนน้ำ ก็ใช้ประตู ไม้ อัดชนิดทนชื้นก็พอแล้ว
  • ส่วนห้องน้ำที่เล็ก เวลาอาบน้ำ น้ำจะโดนประตู ก็ควร ใช้ประตูและวงกบที่เป็น PVC. ซึ่งราคาสูงกว่าประตูไม้อัดทน ชื้น แต่คุ้มค่ากว่า ไม่ต้องเปลี่ยนบ่อยๆ
  • สำหรับห้องน้ำที่ติดกับห้องแอร์ ควรใช้แบบมีเกล็ด เพื่อสามารถติดพัดลมดูดอากาศได้ ซึ่งจะทำให้ลมเย็นผ่านเข้า มาในห้องน้ำได้อีกด้วย

วงกบ PVC.

วงกบ PVC. ผลิตจากเนื้อ PVC. ที่มีความแข็งแรง ทนทาน ไม่บิดงอ เป็นฉนวนกันความร้อนได้ดี ทนต่อสภาพดินฟ้าอากาศ โครงสร้างภายในจะมีเหล็กเสริม ติดตั้งได้ทั้งผนังไม้ ปูน และโลหะ การเข้ามุมต่างๆ จะใช้ความร้อน สามารถทำให้ประสานกันได้สนิท สวยงาม มีขนาดมาตรฐาน และขนาดตามสั่ง

ชนิดของบานพับ

บานพับแต่ละชนิดแต่ละแบบมีความคงทนแตกต่างกัน บานพับที่มีแหวนเป็นไนล่อน จะทนทานน้อยที่สุด เพราะมีราคา ถูก ส่วนบานพับที่มีแหวนเป็นโลหะ ซึ่งมีทั้งแสตนเลส ทอง เหลือง หรือเหล็ก จะแพงกว่าบานพับที่เป็นแหวนไนล่อน บาน พับแต่ละแบบก็มีสีของวัสดุแตกต่างกัน การจะเลือกใช้สีแบบใด ก็ขึ้นอยู่กับสีของประตู ลูกบิด และรสนิยมของแต่ละคน การติด บานพับควรติดอย่างน้อย 3 ตัวต่อ 1 บาน เพื่อป้องกันบาน ประตูตกด้วย

การเลือกใช้ลูกบิดจะแตกต่างกันตามความเหมาะสม ในการใช้งาน เช่น ห้องสำหรับเปิดผ่านก็ไม่จำเป็นต้องล็อค เรียกว่า PASSAGE DOORS ใช้ในบริเวณห้องที่ต่อเนื่องกัน เช่น ห้องทำงานกับห้องประชุมหรือห้องครัวกับห้อง PANTRY ส่วนห้องน้ำกับห้องนอนจะใช้ลูกบิดชนิด PRIVACY DOORS คือ ชนิดกดล็อคด้านใน ส่วนด้านนอกใช้เหรียญบิด เปิด-ปิด เพื่อคลายล็อคในกรณีฉุกเฉิน เพื่อความปลอดภัย สำหรับผู้ที่ อยู่ภายในห้อง อีกชนิดหนึ่งก็คือ ENTRANCE DOORS ลูกบิดชนิดนี้ใช้กับประตูทั่วไปหรือประตูทางเข้า โดยการกด ล็อคด้านใน ไขกุญแจด้านนอก จะเข้าจากภายนอกต้องไข กุญแจเท่านั้น ส่วนภายในสามารถเปิด-ปิดได้ตลอดเวลา

ปุ่มกันกระแทกประตู

บานประตูโดยทั่วไปจะถูกออกแบบให้เปิดพิงฝาผนัง เพื่อไม่ให้กีดขวางพื้นที่ใช้สอย ดังนั้นการเปิด-ปิดประตูควรจะ มีการป้องกันไม่ให้กระแทกกับผนัง ซึ่งจะทำให้ลูกบิด มือจับ และผนังด้านข้างถูกกระแทก เกิดการเสียหายได้ ถ้าเป็นผนัง เบา เช่น ผนังไม้อัด หรือแผ่นยิบซั่มบอร์ดจะถูกกระแทกเป็น รอยลึก ทางแก้ก็คือ ให้ติดตั้งอุปกรณ์กันกระแทกทุกครั้ง ซึ่ง มีทั้งชนิดปุ่มยางติดกับพื้น หรือชนิดก้ามปูติดกับผนัง หรือถ้ามี งบประมาณพอ ก็ควรติดแบบตั้งค้ำประตู (DOOR CLOSER) ซึ่งจะช่วยบังคับการเปิด-ปิดได้เอง ทำให้สะดวกมากขึ้น

เสาเอ็นทับหลังประตู-หน้าต่าง

เสาเอ็นทับหลัง คือ เสาและคานเล็กๆ ที่รัดรอบขอบ วงกบประตู หน้าต่าง ทำหน้าที่ช่วยรับน้ำหนักผนังก่ออิฐ ดังนั้น เสาเอ็นทับหลังจะต้องเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก ถ้าไม่มีเสาเอ็น ทับหลัง วงกบจะแอ่นตัวทำให้การเปิดปิดประตูยากขึ้น และยัง ช่วยป้องกันการยืดหดตัวที่ต่างกันของวงกบไม้กับผนังก่ออิฐ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการแตกร้าวได้ ท่านเจ้าของบ้านควร ตรวจดูให้แน่ใจว่า วงกบประตูหน้าต่างทุกบานต้องมีเสาเอ็น ทับหลัง เพราะเมื่อช่างฉาบปูนแล้วจะไม่เห็นส่วนนี้

การหล่อเสาเอ็นทับหลัง

วิธีการทำ คือ ต้องตั้งวงกบก่อน แล้วจึงก่อกำแพงอิฐ เข้ามาหา โดยเว้นช่องให้ได้ขนาดเท่ากับเสาเอ็น แล้วปิดด้วย ไม้แบบ ใส่เหล็กเสริม แล้วจึงเทคอนกรีต วิธีการนี้จะทำให้เสา เอ็นและทับหลังยึดติดกับตัวผนังก่ออิฐได้อย่างสนิท ไม่เกิดร่อง หรือรอยร้าว ซึ่งจะเป็นสาเหตุให้น้ำรั่วซึมได้

การติดตั้งวงกบอลูมิเนียม

เมื่อวางวงกบอลูมิเนียมบนผนัง จะต้องเว้นช่องว่างไว้ ประมาณ 0.5 ซม. เพื่อให้มีพื้นที่พอที่ซิลิโคนจะเข้าไปอุดรอย ต่อระหว่างอลูมิเนียมกับขอบปูน เพื่อป้องกันการรั่วซึมจากน้ำ ฝน เพราะถ้าติดตั้งโดยไม่เว้นช่องว่างไว้ เนื้อซิลิโคนก็จะไม่ สามารถแทรกตัวเข้าไปในรอยต่อ ผลที่ตามมาก็คือ น้ำฝนก็จะ รั่วซึมเข้ามาภายในบ้าน มีวิธีแก้ไขก็คือ รื้อออกแล้วติดตั้งใหม่ ซึ่งจะเสียค่าใช้จ่ายสูงมาก

ซิลิโคน

  • ซิลิโคนเป็นวัสดุคล้ายเยลลี่ มีความยืดหยุ่น เหนียว ทนต่อแรงดึงได้ดี และกันการรั่วซึมได้ แบ่งออกตามการใช้งาน ได้ 4 ชนิด คือ
  • ชนิดที่หนึ่ง ใช้เชื่อมกระจกกับกระจก ในกรณีที่เป็น ผนังกระจกไม่มีกรอบ ก็จะใช้แผ่นกระจกชนกัน แล้วอุดด้วย ซิลิโคน ชนิดนี้จะมีความแข็งแรงสูง มีสีใสมองทะลุกระจกได้
  • ชนิดที่สอง ใช้เชื่อมกระจกกับวัสดุอื่น เช่น กรอบบาน อลูมิเนียม หรือผนังปูนที่แผ่นกระจกไปชน เพื่อป้องกันการ รั่วซึม
  • ชนิดที่สาม ใช้สำหรับเชื่อมรอยต่อวัสดุที่มีการเคลื่อน ตัวสูง เช่น รอยต่ออาคารหรือรอยต่อของวัสดุที่ต่างชนิดกัน มี การการยืดหดตัวสูง และไม่เท่ากัน เช่น คสล.กับเหล็ก ชนิด นี้ต้องรับน้ำหนักและแรงดึงที่สูง
  • ชนิดที่สี่ ใช้อุดรอยต่อของแผ่นแกรนิตหรือหินอ่อน ชนิดนี้ต้องไม่มีฤทธิ์เป็นกรด (เพราะหินแกรนิตและหินอ่อนมี ความเป็นด่าง)

1.5 ฝ้าเพดาน ชนิดของฝ้าเพดาน

วัสดุที่ใช้ทำฝ้าเพดานสำหรับบ้านโดยทั่วไป แบ่งออก เป็น 4 ชนิด

  1. ไม้ เป็นฝ้าซึ่งมีราคาค่อนข้างแพง ติดไฟง่าย มี ปัญหาเรื่องปลวก ถ้าคุณภาพไม่ดีอาจบิดงอได้ ใช้ได้ทั้งภาย นอกและภายใน ทำให้เกิดบรรยากาศที่อบอุ่น
  2. กระเบื้องแผ่นเรียบ เป็นวัสดุที่ทนต่อน้ำและความ ชื้น ราคาค่อนข้างถูก แต่ถ้าเกิดการบิดงอจะแตกง่าย เมื่อมา ตีชนกัน จะมีร่องซึ่งดูไม่สวยงาม
  3. แผ่นยิปซั่ม น้ำหนักเบา ทนไฟ สามารถติดตั้ง ได้เรียบร้อย ไม่มีรอยต่อ หรือจะวางบนฝ้าแขวนแบบที-บาร์ ก็ได้ ไม่สามารถทนน้ำได้ ควรใช้ในส่วนที่ไม่โดนน้ำ
  4. อลูมิเนียม มีน้ำหนักเบา ดูเรียบร้อย สีสันสวย งาม ทนน้ำและความชื้นได้ สามารถติดตั้งได้ง่าย แต่ราคา ค่อนข้างแพง ไม่สามารถกันความร้อนได้

ประโยชน์ของฝ้าเพดาน

ฝ้าเพดาน คือ แผ่นวัสดุที่ปิดใต้หลังคา หรือพื้นของ อีกชั้นหนึ่ง มีประโยชน์ คือ

  1. ช่วยปิดส่วนต่างๆ ที่ไม่เรียบร้อย เช่น ท่อต่างๆ ของห้องน้ำ รวมถึงโครงสร้างต่างๆ ที่ไม่เรียบร้อยและไม่น่าดู
  2. ช่วยป้องกันความร้อนใต้หลังคา
  3. ช่วยซ่อนอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ เช่น กล่องไฟ และ ดวงโคม
  4. ช่วยป้องกันเสียงจากห้องบนชั้นถัดไป
  5. ช่วยตกแต่งเพิ่มบรรยากาศต่างๆ ภายในห้อง รวม ถึงการเล่นระดับความสูงต่ำต่างๆ ของฝ้าเพดานด้วย
  6. สำหรับฝ้าที่เป็นวัสดุทนไฟ ก็สามารถช่วยป้องกัน ไฟได้ด้วย

ชนิดของฝ้ายิบซั่มบอร์ด

ฝ้าเพดานยิปซั่ม แบ่งออกได้เป็น 2 ชนิด คือ แบบ ธรรมดา และแบบทนความชื้น แบบธรรมดานั้นใช้ได้ทั่วไปในที่ที่ไม่โดนความชื้นทั้ง ทางตรงและทางอ้อม ส่วนแบบทนความชื้นนั้นจะใช้ในส่วนที่เป็นฝ้าใต้ ระเบียง โดยเฉพาะฝ้าส่วนใต้ห้องน้ำนั้น จะต้องเปิดได้ง่าย เพื่อความสะดวกในการซ่อมบำรุง เพราะใต้ห้องน้ำนั้นเต็ม ไปด้วยท่อ ซึ่งอาจทำโครงฝ้าเป็น T-BAR เพื่อยกแผ่นออก ได้ง่าย

การทำฝ้ายิปซั่มให้เรียบ

การทำฝ้ายิปซั่มฉาบเรียบนิยมกันมาก เพราะทำให้ดู สวยงาม และเรียบร้อยด้วย แต่ต้องระวังไม่ให้พื้นที่กว้างและยาวเกินไป เพราะจะ ทำให้เรียบยาก จะเกิดเป็นลอนและคลื่นได้ วิธีแก้ ควรออกแบบให้มีบัวหยุดเป็นระยะๆ เพื่อความ แข็งแรงและสวยงามดูไม่เป็นคลื่น เพราะพื้นที่ดูเล็กลง การทำ งานของช่างก็จะง่ายขึ้น

ฝ้าภายนอกใต้หลังคา

โดยทั่วไปจะมีอยู่ 2 ชนิด ชนิดที่ 1 จะเป็นไม้ขนาด 1/2 x 2 นิ้ว หรือ 1/2 x 3 นิ้ว โดยติดชิดกัน ไม่ต้องเข้าลิ้น เพราะจะทำให้บิดงอได้เวลาไม้ยืดหดตัว เนื่องจากความร้อนภายนอกบ้าน และควรมีช่องระบายอากาศใต้หลังคา โดยบุมุ้งลวดเพื่อป้องกันนกและแมลงเข้าไปทำรัง ชนิดที่ 2 จะเป็นกระเบื้องกระดาษ โดยตีเว้นร่องบน เคร่าไม้เนื้อแข็งขนาด 1 1/2 x 3 นิ้ว และควรมีช่องระบาย อากาศเช่นเดียวกับฝ้าไม้ด้วย

ฝ้าอลูมิเนียม

ฝ้าเพดานประเภทนี้คือ การนำเอาแผ่นอลูมิเนียมมา ขึ้นรูป แล้วทำการเคลือบสีทับผิวหน้า ติดตั้งง่าย สะดวก รวดเร็ว โดยการติดตั้งโครงเหล็ก แล้วทำการแขวนโครงยึดกับโครงเหล็ก โครงยึดฝ้านี้จะเป็นตัว กำหนดระยะห่างของฝ้าประมาณ 0.5 ซม. หรือ 1 ซม. ตาม ความสวยงาม และเพื่อการระบายอากาศ มีหลายขนาด หลายสี หลายแบบ โดยทั่วไปจะเป็น แผ่นขนาดกว้าง 3 นิ้ว และ 4 นิ้ว รอยต่อแผ่นมีทั้งแบบเว้น ร่อง บังใบ ตีชิดกัน หรือแบบช่องตะแกรง ทนต่อสภาพภูมิอากาศได้ทั้งแดดและฝน ใช้ได้ทั้ง ภายในและภายนอกอาคาร

1.6 หลังคา ประเภทของหลังคา

รูปทรงของหลังคามีอยู่ 5 แบบ คือ

  1. หลังคา SLAB หรือหลังคาแบน สามารถใช้ประ โยชน์บนหลังคาได้ แต่ต้องระวังการรั่วซึม
  2. หลังคาเพิงหมาแหงน คือ หลังคาที่เอียงไปด้าน เดียว ราคาถูก และก่อสร้างง่าย
  3. หลังคาทรงมนิลา หรือหลังคาหน้าจั่ว คือ หลังคา ที่มีสันตรงกลาง และลาดลงทั้ง 2 ข้าง
  4. หลังคาทรงปั้นหยา เป็นหลังคาที่กันแดดกันฝน ได้ทุกด้าน แต่ราคาค่อนข้างแพง
  5. หลังคาปีกผีเสื้อ ปัจจุบันไม่นิยมกันแล้ว เพราะ จะเอียงกลับเข้ามาตรงกลาง ซึ่งเป็นรางน้ำทำให้รั่วง่าย

ชนิดของวัสดุมุงหลังคา

บ้านที่มุงหลังคาด้วยกระเบื้อง จะให้ความรู้สึกอบ อุ่น มีหลายชนิด เช่น กระเบื้องโมเนีย มีสีให้เลือกมาก แต่ ก็มีน้ำหนักมาก ต้องมุงให้มีความลาดชันมาก กระเบื้องลอนคู่และลูกฟูก น้ำหนักเบา แต่มุงให้มี ความลาดน้อยกว่าได้ METAL SHEET คือ แผ่นเหล็กที่รีดลอนแล้ว เคลือบสี จะมีรอยต่อน้อย สามารถรีดเป็นแผ่นยาวตลอดได้ จึงลดปัญหาการรั่วซึม และมีน้ำหนักเบา ทำให้ลดขนาดใน ส่วนของโครงสร้างได้

วิธีการมุงหลังคาแต่ละชนิด

  • กระเบื้องมุงหลังคาแต่ละชนิด จะมีความลาดเอียงใน การมุงไม่เท่ากัน ตัวอย่างเช่น กระเบื้องโมเนียจะต้องมุงให้ มีความลาดเอียงไม่น้อยกว่า 17 องศา
  • ส่วนกระเบื้องลอนคู่และลูกฟูก สามารถมุงหลังคาให้ มีความลาดเอียงไม่น้อยกว่าประมาณ 10 – 12 องศา
  • ส่วน METAL SHEET สามารถมุงได้น้อยกว่า 10 – 12 องศา แล้วแต่วิธีการออกแบบ
  • เพราะฉะนั้นเวลาเปลี่ยนวัสดุมุงหลังคา ควรตรวจดู ความลาดเอียงของหลังคาให้ถูกต้องด้วย มิฉะนั้นจะทำให้หลัง คารั่วได้

โครงสร้างหลังคาไม้

ข้อดีสามารถติดตั้งได้สะดวก ช่างธรรมดาสามารถติด ตั้งได้ เหมาะสำหรับบ้านไม้ เพราะการยึดติดกับเสาและคาน สามารถทำได้สะดวก

ข้อเสียมีราคาค่อนข้างแพง และหาไม้ที่มีคุณภาพดีได้ ยาก มีการบิดงอง่าย ไม่เที่ยงตรง และมีปัญหาเกี่ยวกับปลวก

โครงสร้างหลังคาเหล็ก

ข้อดีมีความเที่ยงตรงในการทำงาน เหมาะสำหรับบ้าน ที่ก่อสร้างด้วยปูน มีราคาถูกกว่าไม้ ทั้งยังมีรูปแบบให้เลือกมาก มาย

ข้อเสีย ช่างต้องมีประสบการณ์ในการเชื่อมต่อโครงหลัง คาเหล็ก และถ้ามีการป้องกันผิวไม่ดี เวลาเกิดการรั่วซึมของหลัง คา จะมีปัญหาเรื่องการเกิดสนิมได้

การกันความร้อนใต้หลังคา

จะใช้แผ่นอลูมิเนียมฟรอยด์ มีลักษณะบางๆ สะท้อนแสง และความร้อนได้ โดยปูไว้ใต้หลังคากระเบื้อง บนโครงสร้างที่เรา เรียกว่า “แป” โดยแผ่นฟรอยด์จะทำหน้าที่สะท้อนความร้อนที่แผ่ ลงมาจากกระเบื้อง ไม่ให้ผ่านมายังตัวห้อง ซึ่งจะทำให้ห้องเย็นและ สามารถแอร์ประหยัดได้ด้วย

ชนิดของวัสดุกันซึมบนหลังคา

วัสดุกันซึมบนหลังคาแบ่งเป็น 2 ชนิด คือ แบบ แผ่นและแบบทา

  • แบบแผ่น จะต้องปูแผ่นกันซึมบนพื้นที่ที่จะป้องกัน แล้วเทปูนทรายทับ หรืออาจจะไม่ต้อง แล้วแต่ชนิดของผู้ ผลิตแต่จะมีประสิทธิภาพสูง และราคาแพงกว่า
  • แบบทา จะสะดวก คือ ทาไปบนผิวส่วนนั้นเลย ราคา จะถูกกว่า แต่ประสิทธิภาพจะสู้แบบแรกไม่ได้
54321
(0 votes. Average 0 of 5)